1. ลองทำแบบทดสอบฟรี
หากอยากเรียนโทอิคด้วยตัวเองให้ได้ผล ก่อนอื่นเราต้องรู้ทักษะภาษาอังกฤษของตัวเองก่อนค่ะ ในเว็บไซต์ของ ETS จะสามารถลองทำข้อสอบตัวอย่างได้ฟรี หรือถ้าหากอยากได้ผลประเมินคะแนนโทอิคได้อย่างง่ายๆและสะดวกยิ่งขึ้น ทุกคนสามารถใช้แอพโทอิคได้นะคะ อย่างแอพ ‘Riiid TUTOR’ เพียงทำข้อสอบ 12 ข้อ AI ก็จะประเมินคะแนนโทอิคให้ได้อย่างแม่นยำถึง 95% ค่ะ การที่ได้ลองสอบก่อน แล้วรู้จุดบกพร่องของตัวเองนี้เรียกได้ว่าเป็นก้าวแรกในการเรียนโทอิคด้วยตัวเองให้ได้ผลเลยค่ะ
2. ใช้ ‘ผลจากการฝึก’
“ผลจากการฝึก (practice effect)” ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า ผลลัพธ์หรือทักษะมนุษย์จะดีขึ้นจากการได้ทำซ้ำๆ พูดง่ายๆคือยิ่งทำซ้ำจะยิ่งทำได้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ ข้อสอบโทอิคก็เช่นกันค่ะ ถ้าเราได้เจอข้อสอบบ่อยๆ โอกาสได้คะแนนสูงก็เพิ่มขึ้น ยิ่งข้อสอบโทอิคสามารถสอบเท่าไหร่ก็ได้ตามที่เราต้องการ เราอาจสอบไว้หลายๆครั้ง แล้วค่อยเลือกคะแนนรอบที่ได้มากที่สุดเอาไปใช้ค่ะ แต่การสอบหลายๆรอบก็ทำให้เราเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา เพราะฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือการฝึกทำข้อสอบจำลองบ่อยๆค่ะ พอได้ลองทำข้อสอบจำลองเยอะ เราก็ยิ่งเตรียมพร้อมเข้าห้องสอบได้อย่างมั่นใจค่ะ
3. หาวิธีเรียนที่รู้สึกสนุก
ก่อนหน้านี้ได้บอกไปว่ายิ่งเราฝึกบ่อยๆ จะยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีใช่ไหมคะ แต่ถ้าเราทำบ่อยๆซ้ำๆ แต่กลับไม่รู้สึกสนุกกับมันเลย ผลลัพธ์อาจไม่ได้ออกมาดีอย่างที่คิดค่ะ ใครที่ชอบดูยูทูป แนะนำให้ดูวิดีโอภาษาอังกฤษในยูทูป ทำแบบนี้แล้วเราจะได้รู้สึกสนุกกับการเรียนนั่นเอง กรณีที่เรียนภาษาอังกฤษจากการดูรายการทีวี แนะนำให้ดูรายการที่ชอบจนคุ้นหู หลังจากนั้นให้ลองหารายการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจดูค่ะ เนื่องจากโทอิคเป็นข้อสอบทางธุรกิจ การดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับธุรกิจจะช่วยได้มากเลยค่ะ
4. หา ‘คำตอบที่เหมาะสมที่สุด’ ไม่ใช่ ‘คำตอบข้อถูก’
‘คำตอบที่เหมาะสมที่สุด’ กับ ‘คำตอบข้อถูก’ ต่างกันอย่างไรคะ ‘คำตอบข้อถูก’ หมายถึงคำตอบที่ถูก โดยช้อยส์ข้ออื่นต้องผิดหมด ในทางตรงกันข้าม ‘คำตอบที่เหมาะสมที่สุด’ ไม่ได้แปลว่าช้อยส์อื่นผิดหมดค่ะ เราจะได้ ‘คำตอบที่เหมาะสมที่สุด’ จากข้อมูลที่อยู่ในบทความ เพราะฉะนั้นเราต้องพิจารณาแล้วเลือกข้อที่เหมาะสมที่จะเป็นคำตอบมากที่สุดจากการฟังหรือการอ่าน
ยกตัวอย่างเช่น ข้อสอบโทอิคหลายๆข้อมักจะถามคำถามที่เราต้องอนุมานโดยอิงจากบทสนทนาหรือบทความ ‘การอนุมาน’ หมายถึงการสรุปความจริงจากข้อมูลที่มีอยู่ จะต่างจากการคาดเดานะคะ เพราะฉะนั้นการเลือก ‘คำตอบที่เหมาะสมที่สุด’ ต้องมีข้อมูลสนับสนุนที่อยู่ในบทสนทนาหรือบทความค่ะ
5.เมื่อลังเลหรือไม่ชัวร์ ไม่ต้องตกใจ ให้พยายามหาคำใบ้
ไม่ต้องตกใจถ้าเจอคำศัพท์หรือสำนวนที่ไม่รู้ความหมายนะคะ! แม้จะมีคำศัพท์ที่ไม่รู้ แต่เราสามารถทำข้อสอบได้จากการดูบริบทค่ะ ในบทความของข้อสอบโทอิคมักจะให้บริบทมาสนับสนุนตลอด เพราะฉะนั้นอย่าเดาคำตอบนะคะ ให้หาคำใบ้แทน ซึ่งคำใบ้ต่างๆก็เจอตามเนื้อหาที่อยู่ในเทปเสียงและบทความค่ะ
6. ระวังคำศัพท์ที่ออกเสียงคล้ายกันหรือสะกดคล้ายกัน
ในข้อสอบโทอิคเราจะเจอข้อที่ให้เลือกคำศัพท์มาเติมในช่องว่างค่ะ
ตัวอย่าง:
Long hours may _______ your overall work productivity.
สำหรับข้อนี้ หากมีช้อยส์ ‘effect’ เราห้ามตอบเด็ดขาดนะคะ ประโยค “Long hours may effect your overall work productivity.” แม้ว่าดูรวมๆแล้วอาจถูกตามไวยากรณ์ แต่คำตอบจริงๆควรต้องเป็นคำว่า ‘affect’ ซึ่งการออกเสียงคล้ายกับ effect ค่ะ
affect เป็นคำกริยาที่แปลว่า ‘ส่งผลกระทบ~’ (“Long hours affect my mood.”)
แต่ effect เป็นคำนามที่แปลว่า ‘ผลกระทบ’ (“This post will have a good effect on my TOEIC score.”)
เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนแบบกรณีนี้
1) ก่อนสอบเราต้องทำความคุ้นเคยแล้วจำคำศัพท์ที่ออกเสียงคล้ายกัน โดยเฉพาะคำศัพท์ที่ใช้ในธุรกิจ
2) ให้ดูคำที่รู้ประกอบไปด้วย เพื่อจะได้รู้ความหมายโดยรวมของประโยค หลังจากนั้นเราถึงค่อยลองแปลความหมายคำที่ไม่รู้จากบริบท
7. ตั้งใจฟังน้ำเสียงและคำศัพท์ที่บ่งบอกเวลา
เนื่องจากในพาร์ทการฟังเราต้องตั้งใจฟังเทปเสียงมากๆ เพราะฉะนั้นน้ำเสียงและคำศัพท์ที่บ่งบอกเวลาสำคัญมากค่ะ
น้ำเสียง (tone) จะไม่เหมือนสำเนียง (accent) นะคะ
สำเนียง (accent) คือการพูดที่ต่างกันไปตามพื้นที่ ตัว I ในคำ TOEIC ย่อมาจากคำว่า “international” ค่ะ เพราะฉะนั้นพาร์ทการฟังของข้อสอบโทอิคเราจะได้ยินทั้งสำเนียงอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย และแคนาดาค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะว่าในข้อสอบจะไม่พูดให้ติดสำเนียงท้องถิ่นมากเกินไปอยู่แล้วค่ะ
ส่วนน้ำเสียง (tone) คือการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงของเสียงค่ะ อย่างท้ายประโยคคำถาม เสียงของผู้พูดก็จะสูงขึ้น ให้เราทำความคุ้นเคยกับน้ำเสียงและการลงน้ำหนักเสียงให้ดีนะคะ
คำศัพท์ที่บ่งบอกเวลาก็เป็นคำใบ้สำคัญมากๆค่ะ เช่น ‘Yesterday’, ‘last week’, ‘within a month’, ‘soon’ จะช่วยเราหาคำตอบได้ง่ายขึ้น และรู้ว่าเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้ว กำลังเกิดอยู่ หรือจะเกิดในอนาคตค่ะ
8. ฟังไปจดโน๊ตไป
พาร์ทการฟังเราจะสามารถฟังได้แค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นระหว่างฟังให้เราจดโน๊ตตามไปด้วยค่ะ แต่ไม่ใช่จดทุกอย่างที่เทปพูดนะคะ ให้จดแค่คีย์เวิร์ด เช่น สถานที่ ชื่อคน สถานการณ์บทสนทนา หัวข้อ เป็นต้นค่ะ
9. ทำความคุ้นเคยกับคำพูดเกริ่นหรือ Directions ของพาร์ทการฟัง
ในแต่ละพาร์ทของข้อสอบการฟังจะมีการพูดเกริ่นหรือ Directions ก่อนจะเริ่มพูดโจทย์เสมอค่ะ เราต้องทำความคุ้นเคยกับ Directions พาร์ทต่างๆไว้ล่วงหน้า จะได้ไม่ต้องไปโฟกัส Directions ในห้องสอบ แล้วเอาเวลาตรงนั้นมาดูเนื้อหาหรืออ่านโจทย์ล่วงหน้าค่ะ
10. เตรียมพร้อมเจอสิ่งที่คาดไม่ถึงในสนามสอบจริง
ในวันสอบจริงเราอาจเจอสิ่งที่ไม่คาดคิดได้ค่ะ เพื่อเตรียมรับมือหากเจอกรณีลำโพงเสียงแตก เราต้องลองฝึกฟังจากลำโพงหลายๆอันค่ะ แล้วลองเปิดเสียงดัง เสียงเบาดูนะคะ พยายามสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมือนอยู่ในห้องสอบจริง แล้วฝึกฟังหลายๆแบบจะช่วยเราได้มากเลยค่ะ
Riiid TUTOR เป็นโซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยี AI มาเพิ่มคะแนนโทอิคของทุกคนอย่างได้ผลจริง
ข้อสอบโทอิคอัพเดทล่าสุด วิดีโอเรียนฟรี รวมไปถึงวิธีการเรียนโทอิคที่เข้ากับคุณ ทั้งหมดนี้รวมครบในแอพ Riiid TUTOR เท่านั้น ลองเข้าไปดูได้เลย!